วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

DELL EMC2


ก้อนเมฆ ราคา 67 พันล้านดอลลาร์

ไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง มีข่าวใหญ่ยักษ์มากของวงการ IT ทั่วโลก นั่นคือ “Dell ซื้อ EMC”

ส่วนหนึ้งที่เป็นข่าวใหญ่แน่ๆ ก็คือ จำนวนเงินขนาด 67 พันล้านดอลลาร์ สำหรับการซื้อบริษัทเดียว มากกว่า GDP ของ เนปาล หรือ มองโกเลีย หรือหลายๆประเทศเสียอีก ถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการ IT

Dell ไม่ได้มีเงินสดมากขนาดนั้นติดตัว เมื่อ Dell อยากได้ ก็ต้องยืมเงินคนอื่นมาใช้ก่อน โดยคาดว่าจะกู้ในรูปการออก corporate bond เป็นหลัก จำนวนเงินที่มากมายนี้ ทำให้ตลาด bond เริ่มกังวลว่าสภาพคล่องจะถูกดูดหายไปชั่วคราวตอน bond ออกขายหรือไม่ และต้องรับมืออย่างไรตอนนั้

คนทั่วไปรู้จัก Dell ดี ส่วน EMC นั้น เราไม่ค่อยเห็นชื่อในชีวิตประจำวัน แต่ EMC คือบริษัท IT ที่ขาย enterprise storage solution ที่ใหญ่ที่สุดของโลก

-------ทำไม Dell อยากได้ EMC ขนาดนั้น และ deal นี้หมายถึงอะไร?--------

กาลครั้งหนึ่งไม่นานมาแล้ว... ใครๆก็ต้องซื้อ server + storage พ่วง software บริษัทขาย storage ทั้งหลายรวมทั้ง EMC มีรายได้เป็นกอบกำจากการ upgrade เมื่อลูกค้าต้องเพิ่มความสามารถระบบเรื่อยๆ ตามการโตของเทคโนโลยี่

ต่อมามีบริษัทเล็กๆชื่อ PureStorage ที่ใช้ flash technology แทน hard disk มาแย่งตลาด จน flash storage บูม ทำให้ storage vendor ชั้นนำอย่าง EMC หันมาทำ flash storage บ้าง

ในขณะเดียวกัน เกิดมี Amazon เข้ามาทำธุรกิจ cloud ทำให้เกิด trend ในการเก็บ data ไว้ที่ cloud แทนที่จะเป็นใน hard drive หรือ flash

เป็นผลให้การซื้อ storage มาใช้งานเองลดลง รวมไปถึง server ด้วย

การเข้ามาในธุรกิจ cloud ของ Amazon นั้นที่จริงแล้วไม่ได้ตั้งใจแต่แรกเลย หากเป็น “ผลพลอยได้” ที่กลายเป็นธุรกิจหลักในเวลาต่อมา

ในตอนนั้น ความใหญ่โตและความต้องการของ Amazon ทำให้บริษัทไม่สามารถใช้ server, storage, data base, network gear ที่มีอยู่ในตลาดได้เพราะไม่สามารถ scale ให้ fit กับ requirement ได้

Amazon จึงต้อง design ขึ้นมาใหม่เพื่อใช้งาน รวมทั้งเทคโนโลยี memory sub system ที่ทำให้ run บน machine ได้มากมายหลายตัว ได้ผลเร็วกว่า flash เสียอีก

เมื่อเป็นดังนี้ Amazon คิดว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็จะทำการขาย capacity ของระบบที่สร้างขึ้นมาใช้เอง ให้ลูกค้าทั่วไปเสียเลย ภายใต้ยี่ห้อ AWS

ธุรกิจ cloud นี้ประสบความสำเร็จมากมาย จน Amazon กลายเป็น cloud provider ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้กระทั่งหน่วยสืบราชการลับ CIA ก็ยังเป็นลูกค้ารายใหญ่

ธนาคาร Credit Suisse บอกว่า 1 ดอลลาร์ที่ Amazon ขาย cloud service นั้น รายได้ของบริษัท IT อื่นจะหายไป 4 ดอลลาร์

ทั้ง Google และ Facebook ก็เดินมาแนวนี้เช่นกัน คือ สร้างระบบใช้เอง--> แล้วขาย โดยเฉพาะ Facebook นั้น ถึงกับ share architecture ทั้ง hardware และ software ให้ฟรีๆแบบ open source เสียเลย ซึ่งหมายความว่า คนอื่นลอกเอาไปทำตามได้ ไม่ว่าอะไร (และหนึ่งในบรรดาผู้ที่ขอลอกไปใช้นั้นก็คือ Dell และ EMC เอง)

เมื่อ cloud กลายเป็น trend ที่ปฏิเสธไม่ได้ดังนี้ ยักษ์ใหญ่ IT รุ่นเก่าอย่าง HP, IBM, Oracle, CISCO, Dell, EMC จึงต้องพยายามทำตัวเป็น cloud provider ตามหลังยักษ์ใหญ่รุ่นใหม่อย่าง Amazon, Google จะมีก็ Microsoft ที่เป็นรุ่นเก่าที่วิ่งตาม Amazon ได้ดีด้วย cloud ยี่ห้อ Azure

------ และแล้ว เพื่อไม่ให้ตกรถไฟ Dell หันมาซื้อ EMC ----------

Dell มองว่าลำพังผลิต hardware เพื่อ server หรือ notebook/PC ชักจะไม่ work แน่ๆ เพราะ margin ก็หดลงทุกที อันเนื่องมาจาก hardware เข้าสู่ความเป็น commodities มากขึ้นเรื่อยๆ Dell จึงต้องหา product ที่ต่อ line ตนเองให้สามารถเข้าไปยืนในสมรภูมิ cloud ที่กำลังมาแรงให้ได้

โดยหลักๆ แล้ว EMC ตอบโจทย์ Dell ได้ค่อนข้างดี เพราะ

1. EMC มีstorage ชั้นนำพร้อม solution ฉลาดๆที่ manage storage มาประกอบ product line ของ Dell ที่เน้น server เป็นหลัก storage เป็นรอง

2. EMC มี analytic software อย่าง Pivotal ที่ใช้กับ big data/unstructured data ซึ่ง Dell ไม่เคยมี analytic software เลย

การซื้อ EMC ทำให้ Dell ได้ product ที่กำลังอยู่ใน trend และ margin สูง พร้อมกับโอกาสที่จะขาย service ของ Pivotal บน cloud แบบ software as a service (SAAS) ด้วย

3. EMC มี product ยี่ห้อ RSA ที่ใช้ในเรื่อง security ซึ่งอีกหน่อยจะยิ่งมีสำคัญมากขึ้นเมื่อ IoT (Internet of Things เช่น smart watch, smart house, smart car, wareables, etc) เพิ่มบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ

4. EMC มี VCE ที่เป็น software สำหรับ converge infrastructure หรือ การ “รวบ”เอา sever, storage, networking gear สำหรับ IT มาบริหารเสมือนเป็นระบบหนึ่งเดียว การมี VCE ย่อมช่วยทำให้ Dell ไป cloud business ได้ดีขึ้น

5. EMC มี Virtustream อันเป็น software ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับ cloud infrastructure สำหรับ hybrid cloud (private+managed public cloud)

และที่สำคัญ

6. EMC มี VMware : VMware เป็น software ที่คน IT รุ้จักดี โดย VMware ทำให้สามารถแบ่ง physical hardware ให้เป็น virtual machine หลายตัว ราวกับมี hardware ให้ใช้หลายๆตัวได้

ในทันที่ที่ได้ EMC มาครอบครองแล้ว Dell อาจจะขายส่วนหนึ่งของหุ้น VMware ที่ EMC ถืออยู่ 80% ออกไปเพื่อหาเงินมาชดเชยภาระการซื้อ EMC เอง ก็ได้ หรือ Dell อาจจะเก็บ VMware ไว้ เพราะ VMware เป็น product ทำกำไรด้วย margin สูงให้กับ EMC มาตลอด

ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ Dell ไปสู่ธุรกิจ cloud ได้ง่ายขึ้น

เป็นการย้ำว่า cloud-base business นั้น สำคัญกับความอยู่รอดอย่างยิ่งในยุคนี้ ยักษใหญ๋ใน IT ไม่ไป cloud ไม่ได้แล้ว

ส่วน EMC เอง ก็หวังการรวมกับ Dell มาช่วยเรื่องแนวโน้มกำไรที่ลดลงต่อเนื่อง

แต่ก็มีความเห็นแย้งกันว่า Dell + EMC ไม่ใช่สูตรความสำเร็จแต่อย่างใด เพราะยังไงๆก็เป็น hardware-oriented company อยู่ดี จะไปวิ่งตาม cloud พันธุ์แท้อย่างไรได้

เพราะ หันไปทางไหนก็เห็นแต่ปัญหาธุรกิจ hardware : ดูจาก rack storage as workloads ก็ไป cloud และยังถูกแย่งตลาดจาก software-defined storage (SDS) อีก แถม flash ก็ราคาตก พร้อมกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง non-volatile memory as normal system memory ก็กำลังมาแทน storage เดิมๆ.....etc.

ไม่ว่าจะลงเอยแบบไหนก็ตาม การตัดสินใจของ Dell และ EMC จะถูกหรือไม่ ยังไม่มีทางรู้ได้ ที่แน่ๆคืองาน takeover ใหญ่ขนาดนี Wall Street ได้ตังค์แน่นอน คาดว่า จะฟาดไปไม่ต่ำกว่า 1.6 พันล้านดอลาร์อย่างน้อย

และก็หวังกันว่า ด้วย deal นี้ จะทำให้ Oracle จ้าวแห่ง data base ที่พยายามผงาดใน cloud มารวมกับ Salesforce ที่เป็น cloud เต็มตัว อย่างที่มีข่าวแว่วดังๆมาเสียที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น